top of page
ค้นหา

รล.หาญหักศัตรู และ รล.สู้ไพรินทร์ กับภารกิจสุดท้ายที่เกาะเต่า

วันที่ 7 ก.ย. ที่บริเวณลานหิน จปร. หน้าพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ต.เกาะเต่า อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี พล.ร.ท.จรัสเกียรติ ไชยพันธุ์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 2 พล.ร.ท.กฤษฎา รัตนสุภา ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพเรือ พร้อมด้วย น.ส.พรศรี สุทธนารักษ์ รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง นางรำลีก อัศวชิน นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวเกาะเต่า ร่วมกับเทศบาลตำบลเกาะเต่า องค์กรภาครัฐ ผู้ประกอบการ และประชาชนชาวเกาะเต่า ได้ร่วมพิธีบวงสรวงเพื่อจัดวางเรือหลวงหาญหักศัตรู หมายเลขประจำเรือ 312 และ เรือหลวงสู้ไพรินทร์ หมายเลขประจำเรือ 313 ที่ปลดประจำการ ซึ่งเรือทั้งสองลำได้ปฏิบัติภารกิจในท้องทะเลมากว่า 47 ปี ให้เป็นจุดท่องเที่ยวดำน้ำรูปแบบอุทยานการเรียนรู้ใต้ทะเลพื้นที่เกาะเต่าเป็นการทำประโยชน์ให้ประเทศชาติครั้งสุดท้ายของเรือทั้งสองลำ

ซึ่งเป็นภารกิจเดียวกันกับเรือรบชุดปราบปรปักษ์ ที่ได้ทำหน้าที่เดียวกันนี้ที่บริเวณเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ และ อยู่บริเวณเกาะเต่าซึ่งใกล้กับ รล.สัตกูต ที่มาทำภารกิจนี้ที่เกาะเต่าก่อนหน้านี้นานแล้ว




เรือทั้งสามลำ FAC-311,312,313 (ปราบปรปักษ์ หาญหักศัตรู สู้ไพรินทร์) ถูกต่อที่ บริษัท สิงคโปร์ชิพบิลดิ้ง แอนด์ เอนจิเนียริ่ง จำกัด ประเทศสิงคโปร์ โดยติดตั้งอาวุธปล่อยนำวิถีจรวดนำวิถีต่อต้านเรือรบแบบ Gabriel (ผลิตโดยบริษัท Israel Aerospace Industries ประเทศอิสราเอล) เรือทั้งสามลำ นับว่าเป็นเรือที่ทันสมัยมากในช่วงปีผลิต โดยเป็นเรือแบบแรกที่ติดจรวดนำวิถีพื้นสู่พื้น ที่ท้ายเรือ ได้รับการติดตั้งแท่นยิงอาวุธปล่อยนำวิถีพื้น-สู่-พื้น Gabriel 3 แท่น แท่นละ 3 ท่อยิง 1 แท่น แท่นละ 2 ท่อยิง 1 แท่น ส่วนหัวเรือติดตั้งปืนใหญ่เรือ Bofors Mk.1 ขนาด 57 มม./70 คาลิเบอร์ แท่นเดี่ยว 1 แท่น


เป็นเรือจมอีกลำในท้องทะเลไทย โดยสภาพการวางเรือ ทำให้ดำน้ำได้ง่าย เข้าถึงสำรวจได้โดยต้องมีการฝึกเรียนแบบ Advanced Wreck Diving ก่อนเท่านั้น

ดู 32 ครั้ง0 ความคิดเห็น
bottom of page