top of page

ประกันดำน้ำลึก ควรมีไว้เป็นของตนเอง

  • รูปภาพนักเขียน: Sommote Chaicharoenmaitre
    Sommote Chaicharoenmaitre
  • 29 มี.ค. 2566
  • ยาว 1 นาที

อัปเดตเมื่อ 11 ก.ค. 2567

#DivingInsurance #DiveAssure #ประกันดำน้ำลึก #ประกันSCUBA

ในการดำน้ำนั้นเป็นกิจกรรมที่มีความเสี่ยงสูง และสามารถเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย แม้อุบัติเหตุนั้นไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น แต่ก็อาจจะเกิดได้กับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นการลงน้ำในไดฟ์แรก หรือมืออาชีพที่มีประสบการณ์เป็นพันชั่วโมง

ree

อย่างไรก็ดีเรามีคุณครูที่มีประสบการณ์ด้านประกันชีวิต และประกันวินาศภัยโดยตรง ก็อยากมาแบ่งปันว่า ควรมีการเตรียมการอย่างไร และตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องนั้นคุ้มครองนักดำน้ำอย่างไรบ้าง?

การประกันภัยดำน้ำจากผู้ประกอบกิจการดำน้ำลึก

ตามข้อบังคับของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยนั้น ผู้ประกอบการจะต้องมีประกันภัยดำน้ำลึกให้กับลูกค้าที่มาซื้อทริปกับทางร้านดำน้ำ หรือทางเรือ dive boat เพื่อสามารถจดทะเบียนท่องเที่ยวกับ ททท. ได้ ซึ่งเป็นการซื้อประกันภัยกลุ่มในปริมาณมาก และทยอยนำชื่อส่งประกันภัยในระยะเวลารับประกันภัยตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์


ซึ่งนักดำน้ำควรสอบถามให้แน่ชัดว่าการรับประกันภัยจากบริษัทรับประกันภัยนั้นครอบคลุมถึง Hyperbaric Chamber อีกด้วย เพราะเรือบางลำนั้น จะมีการรับประกันแค่อุบัติเหตุจากการเดินทางบนเรือ และการว่ายน้ำสน็อกเกิลเท่านั้น และการคุ้มครองไม่ครอบคลุม hyperbaric chamber อีกด้วย ซึ่งปัจจุบันนี้มีผู้ประกอบการดำน้ำลึกที่ช่องแสมสารบางเจ้ามีการรับประกันที่ไม่ครอบคลุม hyperbaric chamber อีกด้วย ผู้ประกอบการเรือดำน้ำที่ภูเก็ตนั้นหลายลำไม่ใช้การประกันภัยจากบริษัทประกันภัยในประเทศไทย ทำให้นักดำน้ำต้องหาซื้อเพิ่มเติมเอาเอง และผู้ป่วยจะต้องเป็นผู้สำรองค่าใช้จ่ายให้กับสถานพยาบาลก่อน รวมไปถึงการทำเรื่องขอชำระสินไหมจะเป็นระหว่างผู้ถือกรมธรรม์ และบริษัทประกันภัย ซึ่งคือผู้ประกอบการและบริษัทประกัน และชำระค่าสินไหมทดแทนมีระยะเวลาที่นานและเคยมีกรณีปฏิเสธการชำระสินไหมทดแทนมาแล้ว รวมไปถึงการคุ้มครองจะคุ้มครองเฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น


การที่บอกว่าร้านดำน้ำทุกร้านที่จดทะเบียนถูกต้องจะมีประกันภัยให้เสมอจึงไม่ใช่เรื่องจริง เพราะในทางปฏิบัติยังมีช่องโหว่อีกมากมาย นักดำน้ำเพื่อไม่ให้ตกเป็นผู้เสียประโยชน์จึงควรถามอย่างละเอียดถี่ถ้วนให้เรียบร้อย

การประกันภัยโรคน้ำหนีบจากประกันสังคม และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ

สำหรับนักดำน้ำที่มีประกันสังคม หรือถือบัตรประกันสุขภาพแห่งชาตินั้น จะได้รับการคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลโรคน้ำหนีบ (decompression sickness) โดยสามารถเบิกได้ตามจริง แต่ไม่เกินค่ารักษาพยาบาลที่ระบุไว้ในบัญชีกลาง (เช่น ชั่วโมงละ 12,000 บาท) โดยผู้ป่วยสามารถเข้ารับการรักษาในกรณีฉุกเฉินได้ทันที แต่การรักษาหลังจากนั้นจะต้องให้ รพ. ต้นสังกัดทำเรื่องส่งตัวเข้าไปรักษาก่อน โดยที่นักดำน้ำที่มีสิทธิประกันสังคม ควรติดต่อขอข้อมูลเพิ่มเติมจากหน่วยงานรัฐที่รับประกันเราอยู่ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ทันสมัยที่สุด และการคุ้มครองจะคุ้มครองเฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น

การรับประกันภัยจากบริษัทหรือสมาคมรับประกันภัยดำน้ำเช่น DiveAssure หรือ DAN

DiveAssure หรือ DAN นั้นเป็นองค์กรรับประกันภัยดำน้ำสำหรับสมาชิก โดยมีกำหนดชั่วระยะเวลาเช่น รายสัปดาห์ หรือรายปี ซึ่งจะมีการคุ้มครองแตกต่างกันออกไป เป็นการประกันภัยดำน้ำส่วนบุคคล โดยการสมัครใจระหว่างนักดำน้ำกับองค์กรรับประกันภัยดำน้ำลึกโดยตรง ที่องค์กรเหล่านี้จะได้รับการยอมรับจากร้านดำน้ำและเรือดำน้ำทั่วโลก ทำให้สามารถใช้กรมธรรม์เดียวดำน้ำที่ไหนก็ได้ในช่วงเวลารับประกัน ซึ่งตามประสบการณ์เรานั้น diveassure มีขั้นตอนการตรวจสอบที่ชัดเจน และการพิจารณาชำระสินไหมทดแทนที่รวดเร็ว (2-3 สัปดาห์) และรพ.ชั้นนำในประเทศไทยที่มี hyperbaric chamber นั้นรู้จัก diveassure และสามารถช่วยเหลือในการเบิกสินไหมได้ด้วย

หลักการรับประกันภัยดำน้ำ

โดยหลักการแล้วนั้น การเกิดอุบัติเหตุดำน้ำ สามารถเกิดที่ความลึกใดก็ได้ และเมื่อใดก็ได้ ดังนั้นการรับประกันที่บอกไว้ว่าจะรับคุ้มครองนักดำน้ำตามระดับความลึกของวุฒิบัตรนั้นๆถูกมองว่าเป็นการเปิดช่องโหว่ให้บริษัทรับประกันภัยสามารถปฏิเสธการคุ้มครองได้ ซึ่งจะระบุไว้อย่างชัดเจนในข้อมูลกรมธรรม์ อย่างไรก็ดีประกันดำน้ำอย่าง DiveAssure นั้น ระบุเรื่องความลึกไว้อย่างชัดเจนว่าไม่มี Depth Limit และรับประกันอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นระหว่างการดำน้ำในถ้ำ, เรือจม, หรือน้ำแข็งอีกด้วย ซึ่งอุบัติเหตุกับสภาพแวดล้อมดังกล่าวสามารถเกิดได้ระหว่างการเรียนการสอนด้วยซ้ำ ทำให้การคุ้มครองนั้นครอบคลุมและเป็นประโยชน์ต่อนักดำน้ำมากที่สุด ยกตัวอย่างเช่นนักดำน้ำระดับ Open Water Diver ดำน้ำในแหล่งน้ำที่ขุ่นมัวและหลงเข้าไปในเรือจมและเกิดอุบัติเหตุภายในเรือ จากเหตุการณ์นั้นถ้ามีการทำรายงานอุบัติเหตุอย่างชัดเจนอาจจะทำให้บริษัทรับประกันบางรายใช้ช่องโหว่ของการที่นักดำน้ำเกิดอุบัติเหตุในสภาพแวดล้อมที่เกินระดับวุฒิบัตรของนักดำน้ำ และอาจปฏิเสธความคุ้มครองได้


แต่หลักการของ Dive Assure นั้นจะต้องได้รับ Accident Report จากเรือหรือผู้จัดทริป รวมไปถึงข้อมูล Dive Profile และ Medical Report จากโรงพยาบาลเพื่อให้บริษัทรับประกันภัยได้พิจารณาจ่ายสินไหมทดแทน ซึ่ง Dive Assure นั้นมีตัวแทนประจำในประเทศไทยที่พร้อมสนับสนุนและประสานงานกับฝ่ายพิจารณาสินไหมอีกด้วย

สำหรับประสบการณ์ของเรา เราพบว่าประกันภัยที่ใช้ผ่านร้าน/เรือนำเที่ยวดำน้ำนั้น มีการติดต่อที่ยุ่งยากกว่า เนื่องจากผู้ประกอบการจะต้องเป็นผู้ดูแลจัดการกรมธรรม์ และเป็นผู้เอาประกันภัยในแผน ทำให้การติดต่อรับสินไหมคืนเงินของผู้ป่วยนั้นต้องใช้การติดต่อหลายทอดและใช้ระยะเวลานาน และการที่นักดำน้ำมี diveassure อยู่แล้วนั้นสามารถสอบถามราคาทริปดำน้ำแบบไม่รวมประกันได้ด้วย (สำหรับบางร้านและเรือบางลำ โดยอาจจะต้องมีเอกสารเซ็นยินยอมเพิ่มเติมอีกด้วย) หรือสามารถใช้ประกันภัยดำน้ำลึกจากทั้งบริษัทรับประกันภัยในประเทศไทย และบริษัทรับประกันภัยจากต่างประเทศอย่าง Diveassure ก็ได้ด้วย โดย DiveAssure จะกำหนดให้ตนเองเป็นกรมธรรม์ลำดับที่สอง คือถ้าหากว่าผู้เอาประกันภัยนั้นมีประกันภัยดำน้ำลึกอีกบริษัทหนึ่ง ให้ยื่นสินไหมบริษัทแรกไปก่อน แล้วถ้าหากมีการปฏิเสธการชำระสินไหม หรือมีส่วนต่างที่ต้องชำระจากการเคลมประกันเพิ่มเติม Diveassure ก็จะรับช่วงดูแลค่าใช้จ่ายต่อให้อีกด้วย อย่างไรก็ดี สำหรับนักดำน้ำที่ไม่ได้ดำน้ำบ่อยๆ ก็ไม่ได้มีความจำเป็นที่จะต้องซื้อโปรแกรม diveassure ติดตัวไว้ตลอดเวลา อาจจะหาซื้อรายทริป หรือถ้าดำน้ำภายในประเทศไทย ก็ใช้ประกันดำน้ำจากทางผู้ประกอบการดำน้ำก็ได้ เพียงแต่นักดำน้ำต้องสอบถามจนมั่นใจว่าผู้ประกอบการมีประกันภัยดำน้ำลึกให้และส่งชื่อให้เรียบร้อย


เราอยากจะให้นักดำน้ำทุกคนมีประกันกับ Diveassure ตลอดช่วงเวลาที่คุณดำน้ำ เพราะถึงแม้กฎหมายในประเทศไทยนั้นบังคับให้เรือท่องเที่ยวดำน้ำนั้นมีประกันดำน้ำลึกให้กับนักดำน้ำทุกคนที่ใช้บริการ หรือร้านดำน้ำต้องมีประกันดำน้ำให้แล้วหล่ะก็ เมื่อถึงเวลามีปัญหา แล้วพบว่าประกันไม่คุ้มครอง ก็จะไม่มี safety net ที่จะมารองรับค่าใช้จ่ายต่างๆที่เกิดขึ้น หรือแม้จะมีการดำเนินการทางกฎหมายกันระหว่างเรือหรือร้านดำน้ำ และนักดำน้ำแล้วนั้น ก็มิได้อยู่ในการพิจารณาของบริษัทรับประกันภัยที่ไม่รับคุ้มครองหรือชำระสินไหมทดแทนให้ แต่เราเข้าใจเรื่องค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นและอยากให้มันเป็นความสมัครใจของนักดำน้ำเอง


แต่ถ้าจะให้เราแนะนำว่าอย่างน้อยเมื่อไหร่ควรซื้อ Diveassure หล่ะก็ ก็จะเป็นนักดำน้ำที่ดำน้ำออกนอกประเทศตั้งแต่ 2 ทริป/ปี ขึ้นไป เพราะค่าใช้จ่ายสำหรับประกันดำน้ำต่างประเทศ 2 ทริปนั้น สามารถซื้อ DiveAssure ได้ทั้งปีแล้ว ซึ่งนั่นทำให้นักดำน้ำได้รับผลประโยชน์การคุ้มครองจากการดำน้ำในประเทศไปด้วยโดยปริยาย นักดำน้ำที่มีเป็นสมาชิก diveassure อยู่แล้วนั้นก็ไม่ต้องกังวลว่าต้องต่ออายุสมาชิกเรื่อยๆ เพราะสมาชิกภาพไม่มีการหมดอายุ เพียงแค่เราต้องการให้มีการคุ้มครองประกันภัยจากการดำน้ำลึกเมื่อไหร่ เราก็ไปเพิ่มแพ็คเกจในช่วงเวลานั้นๆได้ทันที โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการสิ้นสภาพสมาชิกใดๆ


เนื่องจาก Blue Culture Diving เป็น referral partner ของ Dive Assure จึงสามารถให้คำปรึกษาเรื่องประกันภัยดำน้ำได้ของ diveassure อย่างชัดเจน รวมไปถึงช่วยอำนวยความสะดวกในกรณีที่ต้องมีการเคลมประกันและเบิกสินไหมสำหรับนักดำน้ำที่ได้เข้าร่วม DiveAssure ผ่าน referral program ของเรา เพื่อให้นักดำน้ำได้อุ่นใจจากค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นโดยไม่จำเป็น โดยสามารถเช็คราคาและความคุ้มครองได้ที่เวป DiveAssure หรือกดที่ลิ้งค์นี้เพื่อนำท่านไปยังระบบเสนอราคาของ Dive Assure

 
 
 

ความคิดเห็น


bottom of page