ศิลปะแห่งการหายใจใต้น้ำ - หลักการจัดการอากาศด้วยกฎ 1/3 และ 1/4
- Sommote Chaicharoenmaitre
- 2 พ.ค.
- ยาว 1 นาที

ศิลปะแห่งการหายใจใต้น้ำ-หลักการจัดการอากาศด้วยกฎ-1-3-และ-1-4
การดำน้ำคือการก้าวเข้าสู่โลกที่กฎเกณฑ์ของชีวิตบนบกเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง หนึ่งในปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการดำรงอยู่ใต้น้ำอย่างปลอดภัยและสนุกสนานคือ การจัดการอากาศอย่างมีประสิทธิภาพ อากาศที่เราพกพาไปคือเส้นชีวิตของเรา การบริหารจัดการปริมาณแก๊สที่เหลืออยู่จึงไม่ใช่แค่ทักษะ แต่เป็นหัวใจสำคัญของการดำน้ำทุกครั้ง
ในโลกของการดำน้ำ มีหลักการพื้นฐานสองประการที่นักดำน้ำทั่วโลกนำมาใช้เพื่อวางแผนและบริหารจัดการอากาศของตนอย่างรอบคอบ นั่นคือ กฎหนึ่งในสามส่วน (Rule of Thirds) และ กฎหนึ่งในสี่ส่วน (Rule of Fourths) แม้ว่าทั้งสองกฎจะมีเป้าหมายเดียวกันคือการรับประกันความปลอดภัย แต่บริบทและสภาพแวดล้อมของการดำน้ำจะเป็นตัวกำหนดว่ากฎใดเหมาะสมที่สุด
คู่มือนี้จะนำท่านไปสำรวจหลักการทำงาน ความสำคัญ และความแตกต่างของการจัดการอากาศด้วยกฎหนึ่งในสามส่วน ซึ่งเป็นแนวทางที่แพร่หลายในการดำน้ำสันทนาการและเทคนิคอลบางประเภท รวมถึงกฎหนึ่งในสี่ส่วน ซึ่งมีความเข้มงวดและถูกนำมาใช้เป็นหลักในการดำน้ำถ้ำ อันเป็นสภาพแวดล้อมที่ท้าทายและต้องการความระมัดระวังเป็นพิเศษ การทำความเข้าใจและประยุกต์ใช้กฎเหล่านี้อย่างถูกต้อง จะช่วยให้นักดำน้ำสามารถวางแผนการดำน้ำได้อย่างมั่นใจ บริหารจัดการทรัพยากรอันมีค่าได้อย่างมีประสิทธิภาพ และที่สำคัญที่สุดคือสามารถกลับสู่ผิวน้ำได้อย่างปลอดภัยทุกครั้ง
กฎ "หนึ่งในสามส่วน" (rule of thirds)
เป็นแนวทางการจัดการแก๊สที่ใช้กันทั่วไปในการดำน้ำสันทนาการและในการดำน้ำเทคนิคอลบางประเภทที่มีสภาพแวดล้อมที่ไม่ซับซ้อนมากนัก หลักการพื้นฐานของกฎนี้คือการแบ่งปริมาณแก๊สทั้งหมดที่คุณมีออกเป็นสามส่วนเท่าๆ กัน:
กฎหนึ่งในสามส่วน:
1/3 ของปริมาณแก๊สทั้งหมด: ใช้สำหรับการเดินทางออกจากจุดเริ่มต้นไปยังจุดหมายปลายทางใต้น้ำของคุณ
1/3 ของปริมาณแก๊สทั้งหมด: ใช้สำหรับการเดินทางกลับจากจุดหมายปลายทางของคุณไปยังจุดเริ่มต้น (หรือจุดที่คุณสามารถขึ้นสู่ผิวน้ำได้อย่างปลอดภัย)
1/3 ของปริมาณแก๊สทั้งหมด: เก็บไว้เป็นแก๊สสำรองสำหรับกรณีฉุกเฉินต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น
ทำไมต้องมีกฎหนึ่งในสามส่วนในการดำน้ำ?
กฎนี้มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อให้แน่ใจว่านักดำน้ำมีแก๊สเพียงพอที่จะกลับสู่จุดที่ปลอดภัยได้ แม้ว่าจะมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นก็ตาม เหตุผลหลักที่ใช้กฎนี้คือ:
ความปลอดภัย: การมีแก๊สสำรองเพียงพอเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในกรณีที่เกิดปัญหา เช่น การใช้อากาศมากกว่าที่คาดไว้ อุปกรณ์ขัดข้อง หรือความจำเป็นในการช่วยเหลือคู่ดำน้ำ
การวางแผน: กฎนี้ช่วยให้นักดำน้ำสามารถวางแผนการดำน้ำได้อย่างมีเหตุผล โดยคำนึงถึงระยะทางที่ต้องเดินทางใต้น้ำและปริมาณแก๊สที่จำเป็นสำหรับการเดินทางกลับ
ความง่ายในการคำนวณ: การแบ่งแก๊สออกเป็นสามส่วนทำให้ง่ายต่อการคำนวณปริมาณแก๊สที่ต้องใช้ในแต่ละช่วงของการดำน้ำ และปริมาณแก๊สสำรองที่ควรมี
การประยุกต์ใช้กฎหนึ่งในสามส่วน:
คำนวณปริมาณแก๊สเริ่มต้น: ก่อนการดำน้ำ ให้ตรวจสอบปริมาณแก๊สทั้งหมดที่คุณมีในถัง
แบ่งเป็นสามส่วน: แบ่งปริมาณแก๊สทั้งหมดออกเป็นสามส่วนเท่าๆ กัน นี่คือปริมาณที่คุณสามารถใช้สำหรับการเดินทางไป กลับ และสำรอง
ติดตามการใช้แก๊ส: ในระหว่างการดำน้ำ ให้ตรวจสอบเกจวัดแรงดันแก๊สของคุณอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้แน่ใจว่าคุณยังคงมีแก๊สเพียงพอสำหรับเดินทางกลับและมีแก๊สสำรองเหลืออยู่
เริ่มเดินทางกลับเมื่อใช้แก๊สไปแล้วหนึ่งในสาม: เมื่อคุณใช้แก๊สไปแล้วหนึ่งในสามของปริมาณเริ่มต้น นั่นคือสัญญาณว่าคุณควรเริ่มเดินทางกลับสู่จุดเริ่มต้นของคุณ
เหลือแก๊สสำรองเสมอ: เมื่อคุณกลับถึงจุดเริ่มต้น คุณควรมีแก๊สเหลืออยู่อย่างน้อยหนึ่งในสามของปริมาณเริ่มต้น ซึ่งเป็นแก๊สสำรองของคุณ
ข้อควรระวัง:
กฎนี้เป็นแนวทางขั้นต่ำ: ในบางสถานการณ์ เช่น การดำน้ำที่มีกระแสน้ำแรง การดำน้ำลึก หรือการดำน้ำในสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคย คุณอาจต้องพิจารณาการมีแก๊สสำรองที่มากกว่าหนึ่งในสาม
พิจารณาอัตราการใช้แก๊ส: อัตราการใช้แก๊สของแต่ละบุคคลอาจแตกต่างกันไป นักดำน้ำควรทราบอัตราการใช้แก๊สของตนเองและปรับแผนการดำน้ำตามนั้น
การดำน้ำถ้ำ: ในการดำน้ำถ้ำ กฎ "หนึ่งในสี่ส่วน" (rule of fourths) มักถูกนำมาใช้เนื่องจากสภาพแวดล้อมที่มีเพดานปิดและความเสี่ยงที่สูงกว่า
โดยรวมแล้ว กฎหนึ่งในสามส่วนเป็นหลักการพื้นฐานที่สำคัญสำหรับการจัดการแก๊สในการดำน้ำ ช่วยให้นักดำน้ำมีความปลอดภัยและมีแก๊สเพียงพอสำหรับกลับสู่จุดที่ปลอดภัยได้เสมอ
กฎ "หนึ่งในสี่ส่วน" (rule of fourths)
ในการดำน้ำถ้ำเป็นแนวทางการจัดการแก๊สที่สำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการสำรวจหรือสถานการณ์ที่สภาวะไม่แน่นอน มันเป็นแนวทางที่ระมัดระวังกว่ากฎ "หนึ่งในสามส่วน" (rule of thirds) ที่ใช้กันทั่วไปในการดำน้ำสันทนาการและการดำน้ำเทคนิคอลบางประเภท นี่คือวิธีการทำงาน:
กฎหนึ่งในสี่ส่วน:
1/4 ของปริมาณแก๊สทั้งหมด: ใช้สำหรับการเข้าไปในถ้ำ
1/4 ของปริมาณแก๊สทั้งหมด: เก็บไว้สำหรับการออกจากถ้ำ
1/4 ของปริมาณแก๊สทั้งหมด: สำรองไว้สำหรับกรณีฉุกเฉิน (เช่น คู่ดำน้ำหาย, โคลนฟุ้งจนมองไม่เห็น, อุปกรณ์ขัดข้อง)
1/4 ของปริมาณแก๊สทั้งหมด: ไม่ได้ใช้ และยังคงอยู่ในถังเมื่อสิ้นสุดการดำน้ำ
ทำไมต้องเป็นกฎหนึ่งในสี่ส่วนในการดำน้ำถ้ำ?
การดำน้ำถ้ำมีความเสี่ยงเฉพาะตัวที่จำเป็นต้องมีกลยุทธ์การจัดการแก๊สที่ระมัดระวังกว่า:
สภาพแวดล้อมแบบมีเพดานปิด: แตกต่างจากการดำน้ำในทะเลเปิด ที่ซึ่งสามารถขึ้นสู่ผิวน้ำได้โดยตรง การดำน้ำถ้ำ นักดำน้ำต้องนำทางกลับไปตามเส้นทางเดิมที่เข้ามา
โอกาสเกิดโคลนฟุ้งสูง: ตะกอนที่ถูกรบกวนสามารถลดทัศนวิสัยลงจนเป็นศูนย์ได้อย่างรวดเร็ว ทำให้การนำทางยากลำบากอย่างยิ่ง และเพิ่มความเสี่ยงที่จะหลงทาง การมีแก๊สสำรองจำนวนมากจึงมีความสำคัญในสถานการณ์เช่นนี้
ความซับซ้อนในการนำทาง: ถ้ำอาจมีความซับซ้อนและทำให้สับสนได้ง่าย การหลงทางหรือพลัดหลงจากคู่ดำน้ำอาจนำไปสู่การใช้แก๊สในอัตราสูงและเป็นสถานการณ์ที่อันตราย
กรณีฉุกเฉินมีความสำคัญยิ่งกว่า: ในสภาพแวดล้อมแบบมีเพดานปิดและทัศนวิสัยจำกัด กรณีฉุกเฉิน เช่น แนวเชือกนำทางหาย หรือคู่ดำน้ำแก๊สหมด จะมีความร้ายแรงมากขึ้น การมีแก๊สสำรองที่มากขึ้นจะช่วยให้มีเวลามากขึ้นในการแก้ไขปัญหา
การสำรวจ: เมื่อสำรวจส่วนใหม่ของถ้ำ สภาพและระยะทางเป็นสิ่งที่ไม่ทราบ การมีขอบเขตความปลอดภัยที่ใหญ่ขึ้นจึงเป็นสิ่งจำเป็น
เปรียบเทียบกับกฎหนึ่งในสามส่วน:
กฎหนึ่งในสามส่วนจัดสรรแก๊ส 1/3 สำหรับเข้าไป, 1/3 สำหรับออก, และ 1/3 สำหรับสำรอง แม้ว่าจะเหมาะสมสำหรับการดำน้ำในทะเลเปิดหลายประเภทและการดำน้ำเทคนิคอลบางประเภทที่มีจุดทางออกที่ชัดเจน แต่ก็มีขอบเขตความปลอดภัยที่น้อยกว่ากฎหนึ่งในสี่ส่วน ซึ่งถือว่าจำเป็นสำหรับสภาพแวดล้อมของการดำน้ำถ้ำที่ท้าทายและอาจเป็นอันตรายมากกว่า
โดยสรุป กฎหนึ่งในสี่ส่วนในการดำน้ำถ้ำเน้นปริมาณแก๊สสำรองที่มากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เพื่อรองรับอันตรายเฉพาะตัวของสภาพแวดล้อมแบบมีเพดานปิด โอกาสเกิดโคลนฟุ้งและความยากลำบากในการนำทาง และความร้ายแรงที่เพิ่มขึ้นของกรณีฉุกเฉิน มันเป็นหลักการพื้นฐานสำหรับการดำน้ำถ้ำที่ปลอดภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งระหว่างการสำรวจหรือในระบบถ้ำที่ไม่คุ้นเคย
Comments